หากพูดถึงชีวิตการทำงาน ในแต่ละองค์กรมักจะมีคนบางประเภทที่เป็น Toxic พาบรรยากาศในที่ทำงานเสียหมด ในฐานะนายจ้างจะจัดการอย่างไรดีกับพนักงานกลุ่มนี้ที่มีพฤติกรรมแย่ๆ มีทัศนคติไม่ดีทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว จน Toxic กระทบต่อเรื่องงาน และเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
พฤติกรรมลูกน้องที่ Toxic
1. มาสายบ่อย
มาทำงานช้า เข้าประชุมสายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้แผนกำหนดการต่างๆ ล่าช้าไปหมด และส่งผลกระทบต่อ Productivity ในงาน
2. ลาบ่อยเกินไป
การลาบ่อยครั้ง ลากิจโดยไม่บอกล่วงหน้า หรือลาป่วยบ่อยเกินไป อาจสร้างความเครียดให้กับทีมงานและรบกวนการทำงานของพนักงานคนอื่นๆ
3. ผลงานไม่มีคุณภาพ
มีปัญหาในการปฏิบัติตามข้อกําหนดของงาน ส่งงานล่าช้า หรือคุณภาพของงานไม่ดี อาจบ่งชี้ว่าพนักงานคนนั้นมีปัญหาบางอย่างที่ต้องรีบได้รับการแก้ไข
4. มีทัศนคติเชิงลบ
มีการบ่น วิพากษ์วิจารณ์ หรือมีพฤติกรรมเชิงลบอยู่บ่อยๆ จะสร้างบรรยากาศที่เป็นพิษในที่ทำงาน และลดประสิทธิภาพการทำงานของแผนกนั้นๆ
5. ขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน
ทะเลาะวิวาท มีการปะทะ หรือขาดความร่วมมือกับเพื่อนร่วมงานบ่อยครั้ง อาจบั่นทอนการทำงานเป็นทีม และขาดความสามัคคีในองค์กร
6. ไม่เคารพนายจ้าง
ละเลยคำแนะนำ เพิกเฉย ต่อต้าน หรือกบฏต่อผู้บังคับบัญชาอย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักอกหนักใจนายจ้างอย่างมาก
7. ฝ่าฝืนนโยบายของบริษัท
ละเมิดกฎระเบียบในที่ทํางานและนโยบายของบริษัทซ้ำๆ ทำให้องค์กรขาดระเยียบวินัย และส่งผลถึงพนักงานคนอื่นๆ
วิธีการจัดการกับลูกน้องที่ Toxic
การจัดการกับลูกน้องที่ Toxic และพนักงานที่มีปัญหา ต้องใช้กลยุทธ์ที่เป็นระบบ เพื่อช่วยในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
1. ระบุสาเหตุ
เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของพฤติกรรมที่มีปัญหา ว่าเกิดจากปัญหาส่วนตัว ความไม่พึงพอใจในงาน หรือความเข้าใจผิด การระบุสาเหตุหลักสามารถนำไปสู่วิธีการแก้ไขปัญหาต่อไปได้
2. สื่อสารอย่างเปิดเผย
นัดหมายการประชุมส่วนตัวกับพนักงานเพื่อหารือเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา รักษาน้ำเสียงที่ไม่ก้าวร้าวและรับฟังมุมมองของเขาอย่างตั้งใจ และเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เขาได้ระบายและพูดออกมา
3. กำหนดความคาดหวังที่ชัดเจน
กำหนดพฤติกรรมและมาตรฐานผลงานในสถานที่ทำงานที่คาดหวังไว้อย่างชัดเจน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข้าใจบทบาท ความรับผิดชอบ และเข้าใจผลที่ตามมาหากไม่ปฏิบัติตามนโยบายของบริษัท
4. บันทึกหลักฐานพฤติกรรม
เก็บบันทึกหลักฐานในกรณีที่มีพฤติกรรมเชิงลบ รวมถึงวันที่ เวลา พยาน และการกระทำ ซึ่งการหลักฐานนี้มีความสำคัญในกรณีที่จำเป็นต้องดำเนินการด้านอื่นๆ เพิ่มเติม
5. ให้คำแนะนําเชิงบวก
ให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับพฤติกรรมที่มีปัญหา และเสนอทางเลือกที่เหมาะสม มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงตัวและแนะนำวิธีแก้ไขสถานการณ์
6. เสนอแนวทางการปรับพฤติกรรม
ในกรณีที่ปัญหาส่วนตัวส่งผลต่อพฤติกรรมของพนักงาน ให้เพิ่มวิธีการปรับพฤติกรรมในระยะยาวมากขึ้น เช่น การให้คำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือเพิ่มโปรแกรมพัฒนาศักยภาพ การพัฒนา Growth Mindset เป็นต้น
7. นำบทลงโทษมาใช้
หากพฤติกรรมแย่ๆ ยังอยู่ให้ดำเนินตามกระบวนการลงโทษแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งโดยทั่วไปรวมถึงการเตือนด้วยวาจา การเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร การพักงาน และเป็นทางเลือกสุดท้าย การเลิกจ้าง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการลงโทษสอดคล้องกับนโยบายของบริษัท
8. ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกโดยการยกย่องและให้รางวัลแก่พนักงานที่แสดงถึงความประพฤติที่ดีและการทํางานร่วมกันเป็นทีม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและแรงกระตุ้นในการปรับพฤติกรรมเชิงบวก
9. ขอคำแนะนําทางกฎหมายหากจำเป็น
ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดที่ร้ายแรงหรือมีผลทางกฎหมาย ให้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการของคุณสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับแรงงาน
10. ติดตามความคืบหน้า
หลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว ให้ติดตามพฤติกรรมและผลงานของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ให้คำแนะนำและการสนับสนุนเพื่อช่วยให้เขารักษาการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างสม่ำเสมอ
จะเห็นได้ว่า การจัดการกับลูกน้องที่ Toxic ในองค์กร เป็นปัญหาหนึ่งที่นายจ้างต้องเจอและต้องรีบจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามต่อพนักงานคนอื่นๆ และทำให้ Productivity ในงานเสียหาย
ดังนั้น กระบวนการ “Recruitment” จึงมีความสำคัญ และเป็นปราการด่านแรกใน “การสรรหาพนักงาน” ที่ดีเข้าสู่องค์กร หากองค์กรใดต้องการบุคลากรที่มีความสามารถ มีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองและต่อองค์กร ให้นึกถึง Q Hunter นะคะ เราคือ “Recruitment Company Thailand” มืออาชีพ เป็น “บริษัทจัดหางาน” ที่หลายองค์กรไว้วางใจและยินดีให้บริการทุกท่านค่ะ
Q Hunter - Matching the right people at the first time
สนใจบริการสรรหาพนักงานสามารถติดต่อได้ที่ Contact Us