ทำอย่างไรให้แคนดิเดตที่เราสัมภาษณ์ ตกลงปลงใจมาร่วมงานกับองค์กรของเรา?
สิ่งที่จูงใจให้ผู้สมัครอยากร่วมงานในด่านแรกคือแบรนด์ดิ้งของบริษัท ชื่อเสียง และคุณค่าของธุรกิจที่กำลังทำอยู่ หากผู้สมัครและองค์กรมีเป้าหมายที่น่าสนใจ หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผู้สมัคร ก็จะช่วยจูงใจให้คนอยากมาร่วมงานกับองค์กรของเราได้
แต่นอกจากชื่อเสียงที่ผู้สมัครได้รับรู้จากภายนอกแล้ว ภายในองค์กรควรมีอะไรบ้างที่จะช่วยจูงใจผู้สมัครให้ตัดสินใจมาร่วมงานกับเรา วันนี้เรามีเช็คลิสต์ 5 ข้อจากคุณกิตติเชษฐ์ ชื่นชุ่ม Managing Partner ของ Q Hunter มาแนะนำให้องค์กรที่กำลังปรับทิศทางในการสรรหาผู้สมัคร หรือกำลังหานโยบายใหม่ๆ จูงใจคนทำงานได้มากขึ้น
1. Compensation : ค่าตอบแทน
สำหรับผู้สัมภาษณ์: ควรจูงใจผู้สมัครด้วยการเสนอเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น และนอกจากค่าตอบแทนส่วนนี้แล้ว บริษัทของเรามีค่าตอบแทนส่วนอื่นอีกหรือไม่ เช่น โบนัสหรือคอมมิชชัน หากผู้สมัครเป็นคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมอื่นซึ่งไม่เคยได้รับค่าตอบแทนส่วนนี้มาก่อน ข้อนี้จะเป็นสิ่งจูงใจที่ช่วยให้ผู้สมัครอยากมาร่วมงานกับองค์กรของเราได้
โดยปกติแล้วฐานเงินเดือนของผู้สมัครควรได้รับการปรับขึ้นจากเดิมอย่างน้อย 10-15% หากเป็นตำแหน่งที่หาคนยาก ต้องการความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ มีประสบการณ์สูง บางที่อาจจะเพิ่มให้สูงถึง 20-30% ขึ้นอยู่กับการพิจารณาขององค์กร
สำหรับผู้สมัคร : ควรสำรวจตลาดเพื่อหาค่าเฉลี่ยเงินเดือนในอุตสาหกรรมที่เราทำอยู่ และประเมินตัวเองก่อน เพื่อที่จะได้ทราบว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนของอุตสาหกรรม ประสบการณ์เท่านี้ ตำแหน่งนี้เราควรตั้งกรอบเงินเดือนไว้ที่เท่าไหร่ เพื่อที่เจอองค์กรที่เหมาะสมกับตัวเอง
ซึ่งในข้อนี้ หากองค์กรใช้บริษัทจัดหางานช่วยสรรหาบุคลากรให้ บริษัทจัดหางานจะเป็นตัวกลางที่ช่วยให้คำปรึกษา ต่อรองทั้งระหว่างองค์กรและผู้สมัครได้ และช่วยคัดกรองคนที่เหมาะสมให้ได้
2. Culture : วัฒนธรรมองค์กร
วัฒนธรรมองค์กร คือสิ่งสำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจว่าจะร่วมงานกับที่นี่ดีหรือไม่ ไม่มีวัฒนธรรมของที่ไหนดีที่สุด แต่คนทำงานควรจะต้องหาที่ๆ เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด เพื่อที่จะได้ทำงานที่นี่ได้นาน และมีความสุขในการทำงานด้วย
สำหรับผู้สัมภาษณ์: ควรเล่าวัฒนธรรมองค์กรที่คิดว่าเป็นจุดขายหรือจุดเด่นขององค์กร เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครอยากมาร่วมงาน และควรตั้งคำถามเกี่ยวกับสไตล์การทำงานของผู้สมัคร เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาเหมาะกับองค์กรของเราแค่ไหน
สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์ควรแจ้งผู้สมัคร
- องค์กรของเราทำงานแบบไหน Hybrid, Work From Home หรือต้องเข้าออฟฟิศกี่วันต่อสัปดาห์
- กระบวนการ Brainstrom ของที่นี่เป็นอย่างไร เพื่อให้ผู้สมัครเห็นรูปแบบการทำงาน ว่าเป็นแบบ Agile หรือ Waterfall ไม่มีแบบไหนถูกหรือผิด แต่ผู้สมัครควรรู้ว่าเขาแมชต์กับองค์กรของเราไหม
- สไตล์การทำงานของคนในทีมเป็นแบบไหน เช่น ทำงานเร็ว ทำงานคนเดียว หรือเน้นทำงานเป็นทีม
3. Growth Potential : โอกาสในการเติบโต
สำหรับผู้สัมภาษณ์: ต้องประเมินก่อนว่าเราต้องการคนทำงานในตำแหน่งนี้ในระยะสั้นหรือระยะยาว ถ้าต้องการในระยะยาว ผู้สมัครควรจะต้องเป็นคนที่สนใจในเนื้องานนี้มาก อยากเติบโตในสายงานนี้ หรืออยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานนี้จริงๆ
ผู้สัมภาษณ์อาจจะยกจุดขายขององค์กรมาพูด เช่น การได้ทำงานกับ CEO ที่เก่ง, Career Parth ของตำแหน่งนี้, การพัฒนาตัวเองในองค์กร หรือยกตัวอย่างการเติบโตของคนในทีมที่ได้เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ
ถ้าผู้สมัครรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของเขา ก็จะทำให้ตัดสินใจมาร่วมงนานกับเราง่ายขึ้น แม้ว่าเราจะเสนอเงินเดือนที่ตำกว่าที่อื่นก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่าผู้สัมภาษณ์ทำให้ผู้สมัครเชื่อใจว่าเขามีโอกาสได้พัฒนาตัวเองและเติบโตจากที่นี่มากแค่ไหน
4. Flexible Hour : เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น
ปัจจุบันชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นสิ่งที่คนทำงานในยุคนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คนจะเริ่มสนใจว่ารูปแบบการทำงานของบริษัทเป็นแบบไหน มี Work From Home ไหม สามารถเข้างานเร็วและสามารถขอเลิกก่อนเวลาได้หรือเปล่าหากมีธุระ หรือสามารถเข้าแล้วสายเลิกดึกขึ้นในบางวันได้ไหม ถ้าองค์กรมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเวลาการทำงานให้พนักงานได้ และดูที่ผลลัพธ์มากกว่านับชั่วโมงการทำงาน ก็มีโอกาสที่จะเจอผู้สมัครที่อยากร่วมงานกับองค์กรของเราเยอะขึ้น
5. Benefits : จูงใจด้วยสวัสดิการ
หากบริษัทมีสวัสดิการด้านอื่นๆ ให้แก่พนักงาน ก็จะยิ่งสามารถจูงใจให้คนอยากทำงานที่นี่มากขึ้นได้ เช่น
- สวัสดิการด้านสุขภาพ อาจจะมีประกันสุขภาพ หรือบริการด้านสุขภาพอื่นๆ ไม่ได้เน้นแค่การรักษาเท่านั้น เช่น นวดแผนไทย, กายภาพบำบัด, สมาชิกฟิตเนส ฯลฯ
- มีวันหยุดที่มากกว่าบริษัทอื่น หรือมากกว่ากฏหมายกำหนด คนที่กำลังมองหางานที่มีเวลาพักก็จะรู้สึกว่างานนี้ตอบโจทย์
- การพัฒนาทักษะ มีการส่งไปเรียนหรืออบรมอะไรที่เกี่ยวกับตำแหน่งที่เขาทำอยู่เป็นพิเศษไหม เพื่อที่จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าทำงานที่นี่แล้วทำให้เขามีความสามารถหรือเป็นผู้นำมากขึ้น
- ด้านการเงิน มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือให้หุ้นพนักงานเมื่อทำงานครบกี่ปี ในหลายบริษัทใหญ่หลายๆ ที่ มีการให้หุ้นตามสัญญาเพื่อเพิ่มความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับพนักงาน
- อื่นๆ เช่น ให้สวัสดิการด้านสุขภาพหรือการศึกษากับครอบครัวพนักงาน
หากมีทั้งหมด 5 ข้อนี้ จะถือว่าเป็นองค์กรที่ผู้สมัครสนใจอยากมาร่วมงานอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตำแหน่งที่หาคนยาก หรือตำแหน่งที่ต้องการคนมีประสบการณ์สูง แต่ทั้ง 5 ข้อนี้ในแต่ละช่วงวัยอาจจะให้น้ำหนักที่ต่างกัน ผู้สัมภาษณ์หรือผู้สรรหาควรจะดูว่ากลุ่มเป้าหมายอายุเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้ออกแบบกระบวนการสรรหาให้สอดคล้องกัน
—-----------------------------------------------------
Q Hunter - บริษัทจัดหางาน
ตำแหน่งงานดีๆ รอคุณอยู่ ฝาก Resume ไว้ได้เลยที่ https://www.qhunter.co.th/ENG/job-list-all.html