พนักงานที่ดีถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของธุรกิจ นายจ้างส่วนใหญ่จึงเต็มใจที่จะลงทุนเพื่อ “การสรรหาบุคลากร” ไม่ว่าจะเป็นเวลา การฝึกอบรม เงินทุน และทรัพยากรต่างๆ เพื่อรับประกันว่าบุคลากรใหม่จะช่วยเพิ่มความสําเร็จให้กับธุรกิจ การ “Recruitment” พนักงานที่มีประสิทธิภาพ สามารถทําให้ Productivity ของธุรกิจเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับการได้คนธรรมดาเข้ามา แต่ในทางกลับกัน หากมีการ “Recruitment” ผิดพลาด ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาลเช่นกัน
“การสรรหาบุคลากร” เพื่อให้ได้พนักงานที่เหมาะสมนั้นมีความซับซ้อนและคาดเดาได้ยาก ดังนั้นนายจ้างหรือฝ่าย HR จึงจำเป็นต้องมีแผนและเครื่องมือ หรือใช้บริการจาก “Recruitment Agency Thailand” เพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงดูดพนักงานคุณภาพและลดความเสี่ยงของการจ้างผิดคน ดังนั้นจึงขอเสนอ 10 แนวทางปฏิบัติที่นายจ้าง ฝ่าย HR และตัวแทนจัดหางานทุกคนควรนําไปประยุกต์ใช้ ดังนี้
1. เขียนคำอธิบายลักษณะงานที่ชัดเจน ถูกต้อง และน่าสนใจ
“การสรรหาบุคลากร” อาจใช้เวลา ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปกับการ “Recruitment” ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน คุณต้องคำอธิบายลักษณะงานให้ชัดเจน ไม่สร้างความสับสน และมีบทสรุปลักษณะงานที่ชัดเจนและละเอียด จะช่วยให้คุณกำหนดทักษะ ประสบการณ์ และการศึกษาของผู้สมัครสำหรับตําแหน่งงานนั้นๆ ได้อย่างดี รวมถึงแจ้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับพนักงานในอนาคต จะทำให้ดึงดูดผู้สมัครที่คุณกำลังมองหาเข้ามาได้มากขึ้น
2. เน้นที่ประสบการณ์และผลงาน
การเน้นที่ประสบการณ์และผลงานของผู้สมัครเป็นสิ่งสำคัญใน “การสรรหาบุคลากร” เพื่อระบุผู้สมัครที่เหมาะสม ให้มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์และความสำเร็จของผู้สมัครในระหว่างการสัมภาษณ์ ไม่เพียงแต่ถามเกี่ยวกับทักษะและความรู้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผลงานที่พวกเขาภูมิใจ โครงการที่เริ่มต้นหรือสำเร็จ และผลกระทบที่มีต่อองค์กรเดิม
แนะนำใช้เทคนิค “Recruitment” สัมภาษณ์แบบ S-T-A-R (Situation, Target, Action, Result) เพื่อให้ได้รับคำตอบที่ชัดเจนและเจาะจง ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับความสามารถของผู้สมัครในการสร้างผลลัพธ์ และความสามารถในการแสดงความแตกต่างของตัวเองได้ การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้สรรหางานสามารถประเมินได้ว่าผู้สมัครมีประสบการณ์และความสำเร็จที่ตรงกับความต้องการของบทบาทนั้นๆ หรือไม่ และช่วยเลือกคนที่มีโอกาสนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กร
3. ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น
การตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากใน “การสรรหาบุคลากร” เพื่อค้นหาผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบริษัท ควรมีการตรวจสอบเพิ่มเติม ได้แก่
- ตรวจสอบสิทธิในการทำงานและตัวตน
ตรวจสอบว่าผู้สมัครมีสิทธิ์ทำงานและตรงตามข้อกำหนดทางกฎหมาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและค่าปรับที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท - ตรวจสอบคุณสมบัติและประสบการณ์
ยืนยันคุณสมบัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และความสำเร็จของผู้สมัคร เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมและความสามารถที่จำเป็นสำหรับตำแหน่ง - ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม
ตรวจสอบว่ามีประวัติอาชญากรรม สถานะทางการเงินที่เสียหาย และโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยและความเสี่ยงต่อธุรกิจ
การดำเนินการตรวจสอบเหล่านี้เป็นวิธีเชิงรุกในการลดความเสี่ยงในการ “Recruitment” ช่วยให้บริษัทสามารถเลือกผู้สมัครที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถ แต่ยังเป็นคนดี เป็นบุคคลคุณภาพในองค์กรอีกด้วย
4. สร้างบรรยากาศที่จริงใจและเป็นกันเอง
เพื่อให้ “Recruitment Process” เกิดประสิทธิภาพและรู้จักผู้สมัครของคุณมากขึ้น คุณต้องมีการสนทนากับพวกเขาในช่วงการสัมภาษณ์ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการสร้างบรรยากาศให้ผู้สมัครรู้สึกผ่อนคลาย กล้าที่จะเปิดเผยตัวเอง ให้พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ ทําให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจเพียงพอที่จะสนทนาได้อย่างอิสระมากขึ้นในช่วงการสัมภาษณ์ และจะทำให้คุณเก็บข้อมูลผู้สมัครได้มากขึ้น
5. ใส่ใจภาษากายและการพูด
การใส่ใจภาษากายและการพูดของผู้สมัครในระหว่าง “Recruitment Process” เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบุคลิกภาพ ความรู้สึก และระดับความสนใจที่ผู้สมัครมีต่อตำแหน่งงานและองค์กรของคุณ ภาษากายที่ต้องสังเกต ได้แก่ ท่าทาง สายตา การยิ้ม และวิธีการนั่ง ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงความมั่นใจ ความตื่นเต้น หรือความกังวล
- ท่าทาง : ผู้สมัครที่มีท่าทางเปิดเผยและผ่อนคลายมักแสดงถึงความมั่นใจและความพร้อมที่จะมีส่วนร่วม ในขณะที่ท่าทางปิดหรือที่แสดงถึงความกังวลอาจบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจหรือความเครียด
- สายตา : การมองตาของผู้สมัครที่ต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติสามารถบ่งบอกถึงความซื่อสัตย์และความมั่นใจ การหลีกเลี่ยงสายตามากเกินไปอาจบ่งชี้ถึงความไม่สบายใจหรือขาดความมั่นใจ
- การยิ้ม : การยิ้มที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับสถานการณ์สามารถแสดงถึงความเป็นมิตร ความเชื่อมั่น และความสนใจในตำแหน่งงาน
- วิธีการนั่ง : การนั่งอย่างตรงและมั่นคงสามารถบ่งบอกถึงความมั่นใจและความเตรียมพร้อม ในขณะที่การนั่งเอนหลังหรือการเปลี่ยนท่าทางบ่อยครั้งอาจบ่งบอกถึงความไม่สบายใจหรือความกระวนกระวาย
6. ฟังคําถามและข้อคิดเห็นของผู้สมัคร
ในการ “Recruitment” คำถามที่ผู้สมัครถามสามารถเป็นตัวบ่งชี้ความสนใจและความกระตือรือร้น รวมถึงความเข้าใจ การวิเคราะห์เกี่ยวกับตำแหน่งงานและบริษัท ผู้สมัครที่ดีจะมีคำถามที่แสดงถึงความสนใจในบริษัทและตำแหน่งที่พวกเขาสมัคร เช่น การถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร โอกาสในการเติบโต ความคาดหวังสำหรับตำแหน่งนั้นๆ สามารถเป็นตัวบ่งชี้ว่าผู้สมัครมีความตั้งใจจริงในการทำงานกับองค์กรของคุณ และพวกเขามีแนวโน้มที่จะเข้ากับทีมและวัฒนธรรมของบริษัทหรือไม่
7. ขอความคิดเห็นจากสมาชิกในทีม
การขอความคิดเห็นจากสมาชิกในทีมเกี่ยวกับผู้สมัครสามารถประเมินว่าผู้สมัครจะเข้ากับทีมและวัฒนธรรมองค์กรได้หรือไม่ ทำให้เกิดมุมมองที่หลากหลายและเจาะลึกเกี่ยวกับความเหมาะสมของผู้สมัครได้ เช่น
- การปฏิสัมพันธ์ต่อเพื่อนร่วมงาน
สังเกตว่าผู้สมัครมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกในทีมอย่างไร สามารถเปิดเผยถึงความสามารถในการทำงานเป็นทีมและการสื่อสารอย่างไรบ้าง - การสัมภาษณ์โดยสมาชิกในทีม
ให้สมาชิกทีมบางคนมีโอกาสสัมภาษณ์ผู้สมัคร ซึ่งสามารถช่วยให้ได้มุมมองเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้สมัครอาจเข้ากับทีม - สังเกตการณ์นอกห้องสัมภาษณ์
สังเกตการณ์ว่าผู้สมัครมีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานอื่นๆ อย่างไร สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมิตรและความสามารถในการสื่อสารของผู้สมัคร
8. เต็มใจที่จะเรียนรู้
ผู้สมัครที่ดีจะมีความกระหายใคร่รู้และเรียนรู้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีความอยากรู้อยากเห็นและไม่ลังเลที่จะรับทักษะและเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเอง เพราะผู้มัครกลุ่มนี้มีพลังที่จะพร้อมผลักดันให้บริษัทของคุณเติบโต และปรับตัวให้ทันต่อตลาดอย่างรวดเร็วโดยการแนะนำแนวคิดใหม่และนวัตกรรม
9. ทดสอบการแก้ปัญหา
หนึ่งในวิธีการตรวจสอบความสามารถของผู้สมัครในการหาทางออกของปัญหา สามารถทำได้โดยมอบโครงการให้พวกเขาปฏิบัติจริง ซึ่งจะแสดงให้เห็นในสิ่งที่ผู้สมัครลงมือทำ นายจ้าง หรือ HR สามารถตรวจสอบทักษะ และแนวคิดในการแก้ปัญหาของผู้สมัครได้ในทันที
10. นำการทดลองงานมาใช้ตามความจำเป็น
สุดท้าย นายจ้าง หรือ HR สามารถนําการทดลองงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “การสรรหาบุคลากร” ซึ่งจะทําให้ได้เห็นผู้สมัครขณะปฏิบัติหน้าที่จริงและประเมินศักยภาพของพวกเขา และยังได้เล็งเห็นถึงพฤติกรรมของพวกเขาที่มีต่องาน และการเป็นส่วนหนึ่งของทีม นี่คือการทดสอบสุดท้ายที่จะเปิดเผยให้ทั้งนายจ้าง หรือ HR และผู้สมัครทราบว่าพวกเขาเหมาะสมกับตำแหน่งหรือเหมาะกับบริษัทหรือไม่
แนวทางเหล่านี้สามารถช่วยให้นายจ้าง หรือ HR จ้างผู้สมัครที่มีโอกาสสูงสุดที่จะอยู่กับและเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทของคุณในระยะยาว พวกเขาแสดงให้เห็นด้านที่เกี่ยวข้องมากขึ้นของผู้สมัครและช่วยให้ผู้สมัครเข้าใจชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับงานและธุรกิจของคุณ โดยทำให้ “การสรรหาบุคลากร” เกี่ยวข้องกับบทบาทและบริษัท นายจ้าง หรือ HR สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่เพียงแต่จ้างคนเก่ง แต่ยังจ้างคนที่เก่งและดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณอีกด้วย
Q Hunter - Matching the right people at the first time
บริษัทจัดหางานที่มีตำแหน่งงานดีๆ รอคุณอยู่ ฝาก Resume ไว้ได้เลยที่ Apply here
สนใจบริการสรรหาพนักงานสามารถติดต่อได้ที่ Contact Us