คุณอาจจะเคยไม่เชื่อในตัวเอง หลีกเลี่ยงงานยากๆ ไปก่อนเพราะไม่เคยทำ กลัวที่จะทำผิดพลาด หรือกังวลล่วงหน้าไปก่อน อาการที่กล่าวมาข้างต้นเรียกว่าการมี Fixed Mindset ซึ่งเป็นกรอบความคิดหรือทัศนคติแบบดั้งเดิมที่จำกัดตัวเองไว้ เมื่ออยู่ในโลกของการทำงาน การมี Fixed Mindset จะไม่ช่วยส่งเสริมให้เราเติบโตในหน้าที่การงาน ไม่กล้าออกจาก Comfort Zone หรือไม่อยากทำงานที่ท้าทายมากขึ้น (แม้ว่าโอกาสนี้จะดีสำหรับเราก็ตาม)
ในขณะที่ Growth Mindset คือแนวคิดที่เชื่อว่าความสามารถของทุกคนนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผ่านความพยายาม ไม่ยอมแพ้ และการเรียนรู้ที่จะเติบโตอยู่เสมอ ถึงแม้เราจะอยู่ท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบาก หรือต้องเจอกับความผิดหวัง เราก็ยังเชื่อว่าตัวเองสามารถผ่านเรื่องยากๆ เหล่านี้ไปได้
Growth Mindset จึงเป็นรากฐานสำคัญของความคิดที่ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน เป็นหัวหน้างาน หรือเป็นผู้บริหาร ก็จำเป็นต้องมีแนวคิดนี้ติดตัวไว้เสมอ เพราะความเชื่อมั่นในตัวเองจะช่วยให้เราได้ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกๆ งานที่ได้ทำ
ในตัวเราทุกคนล้วนมีทั้ง Fixed Mindset และ Growth Mindset ผสมกันอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเรามี Mindset แบบไหนมากกว่ากัน แต่ Mindset เป็นเรื่องที่สามารถพัฒนากันได้เสมอ วันนี้ Q Hunter มี ‘5 แนวคิดสร้าง Growth Mindset ในการทำงาน’ มาฝากกัน เพื่อช่วยให้คนทำงานได้พัฒนาทั้งแนวคิดและชีวิตไปพร้อมกัน
1. เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง
ไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องงานหรือเรื่องใดๆ เราต้องเริ่มจาก ‘เชื่อมั่นในตัวเอง’ เสียก่อน เราควรสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองด้วยการมองหาข้อดีหรือคำชมที่เราเคยได้รับมา เช่น ลองคิดดูว่าที่ผ่านมาเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าชมเราว่าอย่างไรบ้าง, เราทำงานที่ทำอยู่ได้ดีแค่ไหน, เรามีผลงานอะไรที่น่าภูมิใจบ้าง, และที่ผ่านมาเราให้คะแนนตัวเองเท่าไร การมองหาข้อดีของตัวเองจะทำให้เรารู้สึกว่าเรารู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้น และกล้าที่จะทำสิ่งที่ท้าทายมากขึ้นด้วย
2. ไม่เคยทำ ≠ ทำไม่ได้
เมื่อไรก็ตามที่เราได้รับโอกาสใหม่ๆ ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นโปรเจ็คใหม่ หรือหน้าที่ใหม่ที่เรายังไม่เคยทำมาก่อน (แต่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเรา) อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธหรือปิดประตูใส่โอกาสและบอกตัวเองว่า ‘ฉันทำไม่ได้’
ให้ลองคิดดูก่อนว่าเรามีประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับงานนี้ไหม และถ้ายังมีประสบการณ์ไม่มากพอ เราสามารถขอคำแนะนำหรือขอความรู้เพิ่มเติมจากใครได้บ้าง อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะหากเราได้ลองเรียนรู้เรื่องนี้มากขึ้นแล้ว มันก็อาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิด และอาจจะช่วยทำให้เราเติบโตและได้รับโอกาสสำคัญอื่นๆ ตามมาในอนาคตก็ได้
3. เปิดใจรับฟัง Feedback ด้านลบ
Feedback ที่ตรงไปตรงมาจะทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง อย่ากลัวที่จะต้องเจอคำวิพากษ์วิจารณ์ เปิดใจรับฟัง Feedback ด้านลบเพื่อนำไปพัฒนาต่อ ให้คิดว่าผู้พูดเองก็หวังดีกับเรา อยากเห็นเราเรียนรู้และปรับปรุงแก้ไขงานของเราให้ดีขึ้น หากเราไม่เห็นด้วยก็แค่พูดคุยกันด้วยเหตุผล แต่ถ้าหากเรามองว่าคนที่ให้ Feedback ด้านลบคิดไม่ดีกับเรา ใส่ร้ายเรา หรือพูดเพื่อให้เรารู้สึกแย่ แบบนี้จะยิ่งทำให้เราไม่เชื่อมั่นในตัวเองและบั่นทอดความตั้งใจทำงานของตัวเองด้วย
4. อุปสรรคคือสิ่งที่ทำให้เราเติบโต
แทนที่จะกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิด กลัวปัญหา กลัวเจออุปสรรค หรือกลัวทำไม่ได้ ให้เราเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ว่า ไม่ว่างานไหนๆ ก็ต้องมีปัญหาและอุปสรรคอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวทดสอบความสามารถของเรา ทำให้เราได้เรียนรู้ เติบโต และเชี่ยวชาญในงานนี้มากขึ้น
การกังวลไปก่อนล่วงหน้าไม่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีได้ แต่ถ้าเราลิสต์ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นออกมาก่อน และหาทางป้องกันหรือเตรียมแผนเพื่อแก้ไขไว้ล่วงหน้า ปัญหาที่เข้ามาก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่เราพร้อมที่จะรับมืออยู่แล้ว
5. ยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง
ความผิดหวัง ผิดพลาด พ่ายแพ้ ล้มเหลว เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโต เมื่อไรก็ตามที่ทำงานผิดพลาด อย่าเอาแต่โทษตัวเองจนทำให้งานส่วนอื่นๆ มีปัญหาตามไปด้วย หลังจากที่เรียนรู้ความผิดพลาดแล้ว ต้องรู้จักให้อภัยตัวเองและลุกขึ้นเดินต่อ นำประสบการณ์ครั้งนั้นมาเป็นบทเรียน เพื่อที่ในครั้งหน้าจะได้ระมัดระวังมากขึ้น และทำให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
______________________________________________
Q Hunter - บริษัทจัดหางาน
ตำแหน่งงานดีๆ รอคุณอยู่ ฝาก Resume ไว้ได้เลยที่ https://www.qhunter.co.th/ENG/job-list-all.html
Q Hunter - Matching the right people at the first time
บริษัทจัดหางานที่มีตำแหน่งงานดีๆ รอคุณอยู่ ฝาก Resume ไว้ได้เลยที่ Apply here
สนใจบริการสรรหาพนักงานสามารถติดต่อได้ที่ Contact Us